Food waste กับร้านอาหารบุฟเฟ่ต์

Oct 08, 2020
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าธุรกิจร้านอาหารแบบบุฟเฟ่ต์นั้น เรียกได้ว่าเป็นประเภทร้านอาหารที่สร้าง Food waste มากที่สุดเทียบกับทุกประเภทร้าน ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะด้วยคอนเซปต์ของร้านที่ลูกค้าสามารถเลือกทานได้ไม่จำกัด (All you can eat) และจุดขายที่สำคัญของร้านบุฟเฟ่ต์หนึ่งเลยก็คือ การนำเสนอความหลากหลายของเมนูและวัตถุดิบ ยิ่งมีเมนูที่หลากหลายและวัตถุดิบราคาแพงเท่าไหร่ ยิ่งเป็นแม่เหล็กดึงดูดลูกค้ามาใช้บริการมากเท่านั้น
และปกติต้นทุนวัตถุดิบ (Cost of goods sold) ของร้านอาหารทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 30-35% ของยอดขาย ในขณะที่ร้านบุฟเฟ่ต์จะอยู่ที่ 40-50% นั่นเป็นเพราะปริมาณอาหารที่ลูกค้าทานในร้านบุฟเฟ่ต์เฉลี่ยจะสูงกว่าร้านทั่วไป เพราะลูกค้าจะรู้สึกไม่คุ้มค่าทันทีหากทานอาหารในปริมาณที่เท่ากับการทานปกติ 
ซึ่ง Food waste โดยปกตินั้นเกิดจากหลายสาเหตุ ตั้งแต่ขั้นตอนการรับวัตถุดิบ การตัดแต่ง การปรุงอาหาร ไปจนถึงการจัดจาน แต่ร้านบุฟเฟ่ต์นั้นมีโอกาสเกิด Food waste ได้มากกว่าร้านอาหารทั่วไป จากการปรุงอาหารเกินกว่าความต้องการของลูกค้า (Over prepared) ทำให้ต้องทิ้งในกรณีที่ร้านบุฟเฟ่ต์เป็นแบบให้ลูกค้าเลือกตักทานเอง (Self service) เช่น ในร้านตามโรงแรมทั่วไป หรือร้านชาบู หมูกระทะที่ให้ลูกค้าเดินมาตักอาหารเอง รวมถึงการที่ลูกค้าทานเหลือในจาน (Left consumed) จากการที่ตักเกินพอดี
โดยหากเป็นแต่ก่อนคุณคงไม่ได้ใส่ใจมากนัก ลูกค้าจะทานเหลือแค่ไหนหรือทำอาหารออกมาแล้วลูกค้าไม่เลือกตักก็คงไม่เป็นไร เพราะร้านยังคงขายดี กำไรก็ยังได้ตามที่คาดหวังไว้ แต่หลังจากวิกฤตโควิดที่ผ่านมา ยอดขายร้านเริ่มต่ำลง แต่ต้นทุนยังคงเดิม หากคุณยังบริหารจัดการวัตถุดิบแบบเดิมอยู่ ก็มีโอกาสที่ต้นทุนต่าง ๆ ของคุณจะสูงกว่ารายได้จนเกิดการขาดทุน
การลด Food Waste ในร้านบุฟเฟ่ต์จึงเป็นสิ่งที่เจ้าของร้านควรทำเป็นอันดับแรกในช่วงเวลานี้ เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าเศรษฐกิจจะกลับมาเหมือนเดิมอีกนานแค่ไหน และนี่เป็น 4 ขั้นตอนง่าย ๆ ที่เราสามารถนำไปปรับใช้กับร้าน เพื่อลด Food Waste และเพิ่มกำไรให้กับร้านบุฟเฟ่ต์เราได้
  1. การแยกและบันทึก Food Waste
ขั้นตอนแรกในการจะลด Food waste ได้ก็คือ การเริ่มต้นบันทึกวัตถุดิบสูญเสียในร้านทั้งหมด ซึ่งโดยปกติ Food waste ในร้านจะเกิดจาก 2 ช่วงหลัก ๆ คือ ก่อนอาหารจะถึงมือลูกค้า และหลังจากลูกค้าทานอาหารเสร็จแล้ว 
สำหรับ Waste ในช่วงก่อนอาหารถึงมือลูกค้านั้น อาจเกิดตั้งแต่ขั้นตอนการตัดแต่งที่ไม่มีประสิทธิภาพ การเก็บรักษาวัตถุดิบที่ไม่เหมาะสม ไปจนถึงขั้นตอนการปรุงอาหารเกินความต้องการของลูกค้า เราควรทำการแยก Waste สำหรับวัตถุดิบแต่ละชนิดหรือกลุ่มและทำการชั่งน้ำหนักทั้งหมด เพื่อที่คุณจะได้รู้ว่า Waste ทั้งหมดนั้นมาจากวัตถุดิบชนิดไหนและเกิดในขั้นตอนไหนเท่าไหร่ เพราะเมื่อไหร่ที่คุณไม่รู้ว่า Waste เกิดในขั้นตอนไหน คุณจะไม่มีทางวางแผนเพื่อลด Waste ลงได้เลย
นอกจากจะบันทึกปริมาณวัตถุดิบที่สูญเสียก่อนถึงมือลูกค้าแล้ว อย่าลืมบันทึกปริมาณอาหารที่เหลือจากการทานของลูกค้าด้วยเพราะจะทำให้คุณรู้ว่า Waste ที่เกิดจากการทานไม่หมดของลูกค้าเป็นสัดส่วนเท่าไหร่ของปริมาณ Waste ที่เกิดขึ้นทั้งหมด
ซึ่งประโยชน์ของการบันทึกปริมาณ Waste ในแต่ละวัตถุดิบและแต่ละกระบวนการนั้น ก็เพื่อเป็นตัวชี้วัดได้ว่า หลังจากปรับกระบวนการเพื่อลด Waste แล้วได้ผลลัพธ์เป็นยังไง
2. สร้างการมีส่วนร่วมในทีม
การลดหรือป้องกันการเกิด Food Waste ให้เกิดประสิทธิภาพนั้น ต้องการการมีส่วนร่วมของพนักงานในร้านเป็นอย่างมากทั้งในส่วนของหลังบ้านและหน้าบ้านซึ่งไม่ใช่แค่เป็นแผนระยะสั้น เพราะการลด Waste นั้นไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ในระยะเวลาอันสั้นและหากไม่มีการควบคุมและเฝ้าระวังอยู่ตลอดอาจทำให้ Waste นั้นกลับเพิ่มขึ้นมาได้ตลอดเวลา 
เพราะเมื่อไหร่ที่พนักงานในร้านมองว่า Waste นั้นเป็นปกติของร้านที่ต้องเกิดขึ้นและไม่ใช่หน้าที่ของพนักงานในร้านที่จะต้องควบคุมแล้วนั้น จะไม่มีทางที่ร้านจะลด Food waste ได้เลย
ฉะนั้นการสร้างการตระหนักเรื่อง Food waste ให้เกิดเป็นวัฒนธรรมในร้านจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะพนักงานในร้านคือคนที่อยู่กับวัตถุดิบตลอดเวลา หากมีการให้ความรู้พนักงานถึงความสำคัญของการลด Waste และให้เข้าใจในทิศทางและเป้าหมายเดียวกัน รวมถึงประโยชน์ที่เค้าจะได้รับแล้ว ก็จะทำให้การลด Food waste นั้นเกิดประสิทธิภาพสูงสุดได้
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ การที่ต้องชัดเจนกับทีมงานว่า การเก็บข้อมูล Waste นั้นไม่ใช่การจับผิดหรือเป็นตัวบอกว่าพนักงานขาดประสิทธิภาพ แต่คือการตรวจวัดสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เพื่อหาสาเหตุและไปกำหนดเป้าหมายในการลด Waste ในอนาคตต่อไป ไม่เช่นนั้นอาจเกิดการต่อต้านและไม่ให้ความร่วมมือจากพนักงานได้
และเมื่อไหร่ที่เรื่องนี้กลายเป็นวัฒนธรรมของร้าน พนักงานใหม่ที่เข้ามาก็จะไม่รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่นอกเหนือหน้าที่ที่ต้องทำ แต่เป็นงานประจำที่เราจะต้องทำเป็นปกติทุกวัน
3. ปรับรูปแบบการให้บริการ 
ต่อให้ร้านจะเป็นบริการแบบบุฟเฟ่ต์ที่ลูกค้าทานเท่าไหร่ก็ได้ เราสามารถปรับรูปแบบการให้บริการบางส่วนเพื่อที่จะลดโอกาสการเกิด Food waste ได้ โดยที่ไม่กระทบต่อการให้บริการหรือประสบการณ์ของลูกค้า เช่น ถ้าร้านเป็นการให้บริการแบบ Self Service ที่ร้านปรุงอาหารเสร็จแล้วให้ลูกค้าต้องเลือกตักอาหารเอง ก็จะยิ่งมีโอกาสเกิด Food waste ได้มากกว่าร้านที่มีบริการแบบ Full service ที่ลูกค้าทำการสั่งอาหารแล้วร้านทำการปรุงอาหารจานต่อจาน (Cook to order) เพราะเท่ากับคุณต้องปรุงอาหารเสร็จเรียบร้อยเพื่อรอลูกค้าเลือกตัก แทนที่จะรอให้ลูกค้าสั่งแล้วร้านค่อยปรุงอาหารทีละจาน
ปรับรูปแบบการให้บริการบางส่วนจาก Self Service ที่ปรุงอาหารเสร็จแล้วให้ลูกค้ามาเลือกตัก ลูกค้าสามารถเลือกเมนูแล้วร้านค่อยทำการปรุงออกมาทีละจาน(Cook to order) แล้วไปเสริฟ์ให้ลูกค้าถึงโต๊ะเอง ถึงแม้วิธีนี้อาจทำให้ต้นทุนแรงงานสูงขึ้นบ้าง แต่เราสามารถเลือกเฉพาะเมนูที่มีต้นทุนวัตถุดิบที่สูงหรือมีโอกาสที่วัตถุดิบจะเสียได้ง่าย เช่น อาหารทะเล เป็นต้น นอกจากนี้ประโยชน์ของการปรุงอาหารแบบจานต่อจานยังทำให้ลูกค้าได้รับอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ๆ เหมือนการทานอาหารแบบอะลาคาร์ทด้วย 
การใช้จานอาหารที่เล็กลงก็มีส่วนที่ทำให้ลดการเกิด Food waste ลงไปได้ เพราะโดยปกติลูกค้าจะตักอาหารมากกว่าความต้องการเสมอ ซึ่งมีโอกาสที่จะทานในจานนั้นไม่หมด การใช้จานอาหารที่เล็กลงก็จะทำให้ลูกค้าเลือกตักอาหารที่ชอบก่อน และจะเดินมาตักอีกรอบหากต้องการทานเพิ่ม
4.การปรับรูปแบบเมนูใหม่
หนึ่งในวิธีการที่เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการลด Waste ก็คือการปรับรูปแบบเมนูใหม่ โดยหลังจากที่ร้านทำการบันทึก Food waste ในแต่ละวัตถุดิบและแต่ละขั้นตอนแล้ว ร้านจะรู้ว่า Waste นั้นเกิดที่กระบวนใดหรือเมนูใด ซึ่งบางครั้งต่อให้เราปรับกระบวนการเตรียมอาหารหรือวิธีการปรุงอาหารใหม่แล้วก็ยังคงเกิด Waste ที่มากอยู่ 
นั่นอาจเป็นเพราะรูปแบบเมนูที่ยากต่อการควบคุมคุณภาพ ทำให้เสี่ยงต่อคุณภาพต่ำลง เช่น เมนูทอดที่หากทอดทิ้งไว้ระยะเวลานึงอาหารนั้นหมดความกรอบ หรือ การเสิร์ฟวัตถุดิบอาหารทะเลสด เช่น กุ้งแม่น้ำหรือปลาแซลมอนสดที่หากเก็บรักษาเกิน 2-3 วันแล้วคุณภาพวัตถุดิบจะเปลี่ยนไปทันที เหล่านี้ต่อให้ร้านจะใส่ใจในทุกขั้้นตอนแค่ไหนก็มีโอกาสเกิด Waste ได้ตลอดเวลา 
การเปลี่ยนรูปแบบเมนูไปเลย เช่น เปลี่ยนจากเมนูทอดเป็นเมนูผัด หรือเปลี่ยนจากการเสิร์ฟวัตถุดิบสดเป็นเมนูแบบปรุงสุกก็อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าแต่ต้องไม่ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าตัวเลือกน้อยลงหรือไม่ดีเท่าเดิม เพราะจะกระทบต่อความรู้สึกของลูกค้าทันที
นอกจากนี้ การคิดเมนูใหม่จากวัตถุดิบที่เหลือจากการตัดแต่ง ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยลด Waste ได้อีกทางนึงโดยที่ไม่เป็นการเพิ่มต้นทุนวัตถุดิบด้วย เช่น การนำหัวปลาแซลมอนมาทำเป็นหัวปลาต้มซีอิ๊ว หรือ การนำหนังปลาแซลมอนมาใส่ในสลัดเป็นเมนูสลัดหนังปลาแซลมอนทอดกรอบเป็นต้น 
และนี่คือ 4 ขั้นตอนที่ร้านอาหารบุฟเฟ่ต์สามารถนำไปปรับใช้ลด Food waste ในร้าน และเป็นการเพิ่มกำไรให้กับธุรกิจได้
คลิกอ่าน Zero Food Waste Program ลดต้นทุน เพิ่มกำไร เปิดสูตรลับลดขยะอาหาร
สามารถติดตาม  Zero Food Waste Program ลดต้นทุน เพิ่มกำไร เปิดสูตรลับลดขยะอาหารผ่านทาง Facebook : แม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี และเว็บไซต์
เพื่อเพิ่ม Know-how เพิ่มไอเดีย เพื่อให้ผู้ประกอบการร้านอาหาร นำไปพัฒนาธุรกิจให้แข็งแกร่งและสามารถ ‘อยู่รอด’ ได้ในสถานการณ์ปัจจุบันได้ และเรียนรู้วิธีลดขยะอาหารซึ่งจะช่วยลดต้นทุน สร้างกำไรให้มากขึ้น กับคอนเทนต์ออนไลน์เกี่ยวกับขยะอาหาร และวิธีการจัดการลดขยะอาหาร
นอกจากนี้ยังเรามีกิจกรรมไฮไลท์สำคัญ Zero Food Waste Workshop ซึ่งเป็น Workshop สุดพิเศษ ที่เปิดให้ผู้สนใจเข้าร่วมฟรี ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2563 สามารถติดตามรายละเอียดได้ทาง Facebook : แม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี
คลิกอ่านบทความน่ารู้ จากแม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี
Explore more topics
Food Waste คืออะไรวิธีแก้ปัญหา Food westการลดขยะจากอาหารปัญหา Food west ในร้านบุฟเฟ่ต์

Keep reading

Get inspired by content for restaurants.

View All Articles
What categories interest you?